สวัสดีค่า วันนี้มารีวิวให้เพื่อนๆดู ประกอบการตัดสินใจนะคะ
แนะนำตัวนะคะ เราชื่อเกด เดิมทีเนี่ยไม่เคยคิดจะเสริมจมูกเลย ไม่เคยมีอยู่ในหัวเลย เพราะคิดว่าของเดิมมันก็ไม่แย่มาก มั่นไปอี๊กกก แต่บางครั้งก็มีแว๊ปเข้ามาในหัวบ้างว่า ถ้าปลายมันขึ้นอีกนิดน่าจะดีกว่าน้า ลองเอาคัตตอนบัทแหย่รูจมูกตัวเอง แล้วยกขึ้น เพื่อนๆหลายคนอาจจะเคยทำ เออ มันก็ดูโอเคขึ้นมานะ เอาไงดีอยากทำๆ เข้าเว็ปดั้งโด่งมาดูผลงานของคุณหมอหลายๆท่าน แล้วก็มาเจอหลายๆเคสของคุณหมอตุ๊ก Dmor Clinic ที่ดูแล้วเป็นธรรมชาติ ไม่โป๊ะ เหมือนที่อยากได้เลย เพราะส่วนตัวชอบแบบธรรมชาติ อยากให้เป๊ะขึ้นแค่นั้น เลยแอดไลน์ทางคลินิคไป ได้พี่แก้มยุ้ยคอยแนะนำ และนัดวันทำจมูก มาได้วันที่ 1 ตค.
เอาหละ ได้เวลาบินลัดฟ้ากันมาเล๊ยยย ลืมบอกค่ะ เนื่องด้วยเรามีเวลาในไทยจำกัดมากๆ แค่ 19 วัน ก็แอบลุ้นนะคะ ว่าจะมีปัญหาอะไรไหม เพราะถ้าต้องเลื่อนตั๋วเนี่ย ต้องมีค่าใช้จ่ายอีกเยอะเลย แต่ก็ผ่านไปด้วยดีค่าา
นี่คือรูปก่อนทำนะคะ นี่คือวันที่คลินิคเลย สังเกตว่า ปลายจะตก และมีฮั้มพ์ตรงกลาง
นี่ก่อนทำอีกรูปค่ะ
หลังทำเสร็จทันทีนะคะ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงในการทำ ตอนทำไม่เจ็บเลยค่ะ ตอนฉีดยาชาเราก็ไม่เจ็บนะคะ คุณหมอมือเบามาก คุณหมอจะถามตลอดว่าเจ็บไหม และชวนคุยผ่อนคลายบรรยากาศ แต่มันจะมีช่วงยาชากำลังหมดฤทธิ์เราก็ขอคุณหมอเติมค่ะ หลังทำเสร็จคุณหมอบอกว่าอย่านอยถ้ามันช้ำ เพราะเคสตะไบฮั้มเนี่ย ต้องช้ำอยู่แล้วอะค่ะ ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายแต่ละคนด้วย ช้ำมากหรือช้ำน้อย เราเองก็ชอบดูพวกรีวิวมาก่อนหน้านี้ จะเจอเคสที่ช้ำม่วงเขียว เราก็ทำใจไว้แล้วค่ะ ว่าถ้าช้ำ เดี๋ยวก็หาย กลับบ้่านมาประคบเย็นตลอดค่ะ พี่แก้มยุ้ยคอยแนะนำว่าต้องทานอาหารอะไรบ้าง ไม่ควรทานอะไร และให้ถุงเจลประคบมาหนึ่งถุงค่ะ เคสเรามีกระดูกเบี้ยวด้วยคุณหมอให้ใส่เฝือกอ่อนช่วยพยุง 14 วันจนตัดไหมเลยค่ะ
วันที่สองตื่นมาลุ้นค่ะ จะบวมมากไหม แต่ก็ไม่เท่าที่คิดไว้ค่ะ ออกไปข้างนอกได้ แต่พยายามจะทำอะไรกระทบกระเทือนนะคะ แปลกมากที่ไม่เจ็บแผลเลย ตั้งแต่ทำเสร็จคือกินยาแก้ปวดแค่เม็ดเดียวหลังทำทันที แล้วก็ไม่ได้กินอีกเลย น้ำมะพร้าวนี่เราดื่มแทนน้ำเปล่าเลยค่ะ วันละหลายลูกมาก ส่วนถุงเจลเราเอาถุงมือมาใส่น้ำแล้วแช่ช่องฟรีสไว้ค่ะ ประหยัดๆเนอะ
วันที่สาม วันนี้คือบวมหนักที่สุดค่ะ ใต้ตาคือบวมสุดๆ ประคบเย็นกันต่อไปอย่าให้ขาดค่ะ พอตอนเย็นความบวมหายไปเยอะมาก และไม่ม่วงเลยค่ะ
วันที่สีไม่ไหวแล้วค่ะ ผมมันมากเลยออกไปสระผม ตอนช่างไดร์ผมเสียวพลาดมาโดนดั้งมากค่ะ แต่ก็ผ่านไปด้วยดี วันที่ห้าคือเริ่มยุบแล้ววว ตื่นเต้น อยากเห็นดั้งตัวเองมากๆ เราไม่มีอาการช้ำเขียวเลย ก็เลยไม่ได้ประคบร้อนเลยค่ะ ถ้ามีอาการม่วงเขียวควรประคบร้อนเพื่อไล่เลือดที่แข็งตัวข้างในออกไปนะคะ สังเกตนะคะ รูจมูกจะดูบานๆ เลิกๆขึ้นไป ตอนนี้แอบกังวลค่ะ ว่ารูมันจะเห็นชัดไปตลอดหรือเปล่า
วันที่ 5 และ 6 ค่ะ ออกไปเจอผู้คนได้แล้ว วันที่ 6 ไปงานรับปริญญาเพื่อนค่ะ ไปทั้งเฝือกแบบนี้แหละค่ะ เก๋ดี (หรออออ)
วันที่ 7-8-9 ความบวมเริ่มหายไป กลางเป็นเหลืองๆแทน แต่ถือว่าเหลืองน้อยมากค่ะ เริ่มเห็นดั้งกันรึยังคะ ^^ ช่วงนี้งดล้างหน้านะคะ แต่เราใช้ใยบุกชุบน้ำหมาดๆแล้วขัดหน้ากับโฟมล้างหน้าของ Lure ขอบอกว่าอ่อนโยนต่อหน้ามากกก ใช้คู่กับใยบุกคือดีงามค่ะ มันจะลดสัมผัสระหว่างมือเรากับหน้า ทำให้ไม่สะเทือนแผลเลยค่ะ ส่วนความมันตรงเฝือกจมูกต้องทำใจค่ะ คอยเอาซับมันเช็ดๆมันไป
อย่างที่บอกไว้ตอนแรกนะคะว่าเราต้องใส่เฝือกเป็นเวลา 14 วัน แต่เราทนความคันและความมันใต้เทปไม่ไหวเลยไลน์ไปถามพี่แก้มยุ้ยขอแกะเทปออก เลยได้แกะออกวันที่ 10 ค่ะ รูจมูกที่เราบอกว่ามันดูบานๆก็ยุบลงเรื่อยๆค่ะ สรุปเป็นเพราะมันยังบวมอยู่ตอนแรกนั่นเอง
รูปนี้คือ หนึ่งเดือนครึ่งค่ะ
ภาพรวมเป็นที่พอใจมากค่ะ ธรรมชาติ ดูไม่ค่อยออกเพราะคุณหมอใช้เทคนิควางซิลิโคนชั้นใต้ผิวหนังทำให้ไม่เห็นเป็นแท่งและป้องกันการเบี้ยวและทะลุ ทำให้ดูเป็นธรรมชาติมากแต่มีมิติมากขึ้นค่ะ คุณหมอจะเลือกให้เข้ากับหน้าเราและโด่งเท่าผิวเราจะรับไหวค่ะ
เดี๋ยวจะมาอัพให้ดูเรื่อยๆนะคะ ขอบคุณที่อ่านค่ะ ^^